Song: Longer
Artist: Dan Fogelberg
Translated by: Nungning
Longer than there’ve been fishes in the ocean
Higher than any bird ever flew
Longer than there’ve been stars up in the heavens
I’ve been in love with you
Stronger than any mountain cathedral
Truer than any tree ever grew
Deeper than any forest primeval
I am in love with you
I’ll bring fire in the winters
You’ll send showers in the springs
We’ll fly through the falls and summers
With love on our wings
Through the years as the fire starts to mellow
Burning lines in the book of our lives
Though the binding cracks and the pages start to yellow
I’ll be in love with you
~~~~~~~~~
ตราบนทีมีมัจฉาว่ายคลาคล่ำ
จงฟังคำรักพี่นี้นานกว่า
เปรียบวิหคบินสูงไกลสุดตา
หากรักพี่เกินกว่าสายตาแล
…
อีกดวงดาวพราวพร่างกลางสวรรค์
ยังมีวันเลือนลับอับกระแส
ความรักพี่คงมั่นมิผันแปร
เป็นรักแท้สถิตย์นิจนิรันดร์
…
แกร่งกว่าผาใดๆ ในโลกหล้า
เติบเร็วกว่าพืชกล้าจะหยามหยัน
ล้ำลึกกว่าราวป่าแต่ปางบรรพ์
เกินรำพันรักยิ่งเหนือสิ่งใด
…
จะผิงไฟให้เจ้ายามหนาวเหน็บ
จงคอยเก็บปรอยฝนหล่นหยาดใส
มากำนัลแด่พี่นะดวงใจ
ให้รักแตกกิ่งใบดั่งไม้งาม
…
ปีกแห่งรักจะพาเราข้ามผ่าน
ฤดูกาลร้ายใดไม่เกรงขาม
ทั้งยามใบหล่นร่วงทั่วเขตคาม
หรือในยามคิมหันต์ตะวันแรง
…
จะรักยอดเยาวมาลย์แม้กาลเปลี่ยน
ปีหมุนเวียนดั่งอัคคีที่โชนแสง
ค่อยลามเลียโลมใหม้ไฟลุกแดง
หนังสือแห่งชีวิตของสองเรา
…
เส้นบรรทัดร่นสั้นกระชั้นหด
กี่หนังสือลุ่ยหมดดูอับเฉา
หน้ากระดาษเหลืองซีดไม่วาวเงา
กาลมิอาจพรากเราดอกเจ้าเอย
ขอบคุณท่านหนุงหนิงสำหรับภาคภาษาไทย
ท่านแปลได้อย่างหมดจดไม่เหลือกลิ่นนมเนยเลย
เป็นไทยแท้ได้อย่างสวยงามและได้ใจ
เห็นทีจะต้องส่งอันใหม่ให้แล้ว
ไม่ต้องรีบนาขอรับ
* * *
เนื้อเพลง Way Back Into Love
จาก Music & Lyric
————————————-
I’ve been living with a shadow overhead
I’ve been sleeping with a cloud above my bed
I’ve been lonely for so long
Trapped in the past, I just can’t seem to move on
I’ve been hiding all my hopes and dreams away
Just in case I ever need them again someday
I’ve been setting aside time
To clear a little space in the corners of my mind
All I wanna do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
Oh oh oh
I’ve been watching but the stars refuse to shine
I’ve been searching but I just don’t see the signs
I know that it’s out there
There’s gotta be something for my soul somewhere
I’ve been looking for someone to shed some light
Not somebody just to get me through the night
I could use some direction
And I open to your suggestions
All I wanna do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart again
I guess I’m hoping you’ll be there for me in the end
There are moments when I don’t know if it’s real
Or if anybody feels the way I feel
I need inspiration
Not just another negotiation
All I wanna do is find a way back into love
I can’t make it through without a way back into love
And if I open my heart to you
I’m hoping you’ll show me what to do
And if you help me to start again
You know that I’ll be there for you in the end
By: ประทีป จิตติ on January 20, 2008
at 01.01
[…] Translated by: Nungning […]
By: นานกว่านั้น « ประทีป จิตติ on January 20, 2008
at 09.01
อา..ยิงปิงอย่างนี้
เริ่มสนุกแล้วพี่ท่าน
บทความจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเกลียวกลม
น่านิยม..ชม..อ่าน..
..
..
ท่านย่าขะรับ
รู้สึกว่าสวนท่านย่าจะเต็มไปด้วยกล้วยน้ำว้าเสียแล้ว
ท่านอัมโผล่มาเจอต้องตกใจเป็นแน่ แฮ่ แฮ่!
ข้าพเจ้ากลับไปหาเวแบ็คอินทูเลิฟเวอร์ชั่นท่านขุนให้ไว้ เสียดายบล็อกเก่าท่านขุนแสนปิดเสียแล้ว เพลงเลยหาย เสียดาย เสียดาย (เสียงร้องดูโอ้สดเลยพี่ทั่น!ธรรมชาติมั่กมั่ก)
ดิลล์
By: ร้านกล้วยปั่นก้นซอย on January 20, 2008
at 06.01
โห…นี่ถ้าท่านพี่ไม่เกริ่นนำมาก่อนว่า “ไม่ต้องรีบนาขอรับ” เห็นทีข้าพเจ้าจะปิดบล็อกหนีแล้วเจ้าค่ะ
ลำพังแค่แต่งกลอนรัก ข้าพเจ้าก็แทบกระอัก (ไม่มีมู้ดเอาเสียเลย) แถมต้องแต่งให้อยู่ในร่องในรอยของต้นฉบับ กว่าจะเข็นออกมาได้แต่ละบทหืดแทบขึ้นคอ
ข้าพเจ้าว่าลองให้ท่านดินแต่งดูบ้างดีไหมเจ้าคะ เห็นเขียนกลอนจีบสาวได้ไม่เว้นแต่ละวัน กลอนน่าจะลื่นเป็นปลาไหลทาจารบี (ฮา)
เอาไว้วันไหนว่างจะลองแต่งให้ก็แล้วกันเจ้าค่ะ ช่วงนี้ขอกลับไปแปลงานตัวเองก่อน
วันนี้ข้าพเจ้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนที่สวนลุมฯ มา เจอหนังสือ “หลักการแปล” อยู่เล่ม อ่านแล้วแทบไม่กล้าแปลงานต่อ รู้สึกที่แล้วๆ มาตัวเองแปลงานแบบชุ่ยๆ ขอไปทีอย่างไรชอบกล ยืมติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย ถ้าอ่านจบ ไม่เลิกแปลงานไปเลย ก็คงจะมีความมั่นใจจรดปลายปากกามากขึ้นกว่าเดิม (ขอให้เป็นประการหลังเถิดเจ้าประคู้ณณณณณ)
ท่านดิน
ข้าพเจ้าเห็นกล้วยแล้วอิ่มจุกคอหอยเลย เมื่อกี้ก่อนกลับบ้านข้าพเจ้าแวะไปกินไอศกรีมโฮมเมดที่สีลมมา ไฮศกรีมสองลูก วอฟเฟิลหนานุ่มสองชิ้นใหญ่ ราดด้วยวิพครีมและช็อคโกเลตโรยอัลมอนด์บด แค่นั้นยังไม่พอ ข้าพเจ้าขอกล้วยหอมเพิ่มพิเศษ ท่านเอ๊ย ! ตอนเด็กนำมาเสริฟ ข้าพเจ้าเห็นขนาดจานแล้วแทบไม่อยากกิน กลัวอิ่มถึงพรุ่งนี้ (ถ้วยไม่พอใส่ ต้องเสริฟเป็นจานเจ้าค่ะ)
พนักงานเสริฟก็ดีแสนดี พูดให้กำลังใจข้าพเจ้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“วันนี้เป็นวันของเรา เต็มที่เลยค่ะ”
ไม่รู้ท่านเป็นเหมือนข้าพเจ้าไหม เวลากินไอศกรีมคำแรก รู้สึกสุขเหลือล้นปานได้ขึ้นสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น (แต่กินไปได้สักครึ่งจาน เหมือนกำลังตกนรกเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าคงเลิกอยากกินไอศกรีมอย่างน้อยสองอาทิตย์)
ป.ล. คุณอัมโปะอยู่หรือเปล่า ยู้ฮู
By: ningnung on January 20, 2008
at 08.01
ท่านย่า!
ข้าพเจ้าว่านะ คนที่เขียนตามใจออร์เดอร์ได้น่ะ–มืออาชีพ
ส่วนข้าพเจ้าแค่คิดเขียนยังไม่มีปัญญาเขียนออกมาเลยขะรับ หากไร้สิ่งใดมาสะกิดใจจริง ๆ
ข้าพเจ้าจึงรักหวงบรรยากาศบ้านหนอนครั้งเราเคยวิ่งเล่นนัก ตัวหนังสือของเหล่าสหายกระตุ้นต่อมคิดเขียนเต้นเร่า ๆ ราวโยนบนกระทะทองแดง
บรรยากาศเช่นว่าผ่านไป บ้านเคยวิ่งเล่นกลับแล้งไร้ลมฝันเสียสิ้น
OOO
ออกชนบทอาชีพแรกข้าพเจ้าคือเปิดร้านไอติมขะรับ
OOO
คารวะ
By: ร้านกล้วยปั่นก้นซอย on January 21, 2008
at 08.01
ถึงขั้นมืออาชีพเลยหรือท่านดิน
งั้นข้าพเจ้าก็เข้าข่ายมืออาชีพแล้วสิ อิอิ
การเขียนตามออร์เดอร์นั้นมีข้อดีอยู่อย่างเจ้าค่ะ บางครั้งได้ทำในสิ่งที่ถ้าให้คิดเอง ก็คิดไปไม่ถึง
ข้าพเจ้าคิดถึงตอนทำงานร่วมกับคุณอัมโปะเจ้าค่ะ
งานชิ้นที่หนึ่งกับชิ้นที่สองน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะคุณอัมโปะไม่ได้ตั้งโจทย์มาให้ ข้าพเจ้าแต่งกลอนแบบมีอิสระเต็มที่ (ซึ่งก็ติดอยู่กับกรอบเดิมๆ ของตน)
แต่พองานชิ้นที่สามคุณอัมโปะแอบกระซิบมาว่าขอกลอนออก”โบราณ” นิดนึง (สงสัยคงทนไม่ไหว เกรงข้าพเจ้าจะหลงเวียนวนอยู่ในเขาวงกตเช่นเดิม)
ข้าพเจ้าได้ยินตอนแรกก็งงๆ เลยถามว่าจะเอากลอนโบราณแน่หรือ เพราะเนื้อหาเป็นเรื่องหุ่นยนต์และอนาคต ดูไม่ค่อยเข้ากันเลย คุณอัมโปะอธิบายมาว่าบางครั้งความขัดแย้งก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงต้องดั้นด้นไปรื้อค้นตำรับตำราเก่าๆ เผื่อจะเกิดไอเดียขึ้นมาบ้าง จึงได้คำประพันธ์ประเภทลิลิตออกมาในที่สุด
ส่วนชิ้นถัดมาคุณอัมโปะตั้งโจทย์มาให้ข้าพเจ้าอีกว่าขอให้ข้าพเจ้าแต่งกลอนแบบไม่ต้องตรงกับภาพประกอบ เช่น ถ้าคุณอัมโปะวาดรูปดอกไม้ ข้าพเจ้าอาจบรรยายเป็นความรู้สึกต่างๆ ออกมา ครั้งนี้สนุกเช่นเคยเจ้าค่ะ นอนคิดอยู่สองคืน กว่าจะเริ่มต้นบทแรกได้
เมื่อคุณอัมโปะได้อ่านกลอน ถึงกับออกปากว่างานชิ้นนี้จัดจ้านที่สุดเท่าที่ร่วมงานกันมา จะว่าไปก็ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้คุณอัมโปะ เพราะถ้าไม่ออร์เดอร์มา ข้าพเจ้าก็คงคิดเองไม่ได้
โบราณเขาถึงว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียว
ป.ล. ว่าแต่คุณอัมโปะหายไปไหนเนี่ย โปรเจ็คงานชิ้นที่หกไปถึงไหนแล้วเจ้าคะ คิดออกหรือยังเอ่ย แต่ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร บอกแล้วว่า ไม่รีบ ไม่รีบ
By: ningnung on January 21, 2008
at 08.01
ที่จริงนะขะรับท่านย่าที่เคารพ
อันว่าหากคิดใคร่เขียนฉันทลักษณ์แบบบุร่ำบุราณนั้น ท่านย่าไม่น่าจะต้องเสียแรงค้นตำรับตำราเก่า ๆ เลย เพียงท่านย่าเพ่งกระแสจิตกลั่นออกมาจากหัวจิตหัวใจ มิไยบุราณารมณ์จะพลั่งพรูราวทำนบพังทะลายเสียล่ะไม่ว่า
หากยังไม่สามารถกลั่นวรรณรสได้ดังใจ ขออนุญาตบังอาจเสนอให้ท่านย่าลองหาคันฉ่องมาสักบาน อุ๊บ! ปาก นะปาก ไปล่ะ!
คารวะ
ปล. อ่า..ทั่นอัมทั่นหายเฮดไปไหนของท่านนะนี่น่ะ หรืออาการป่วยยังไม่ทุเลา?
By: ร้านกล้วยปั่นก้นซอย on January 21, 2008
at 09.01
บ๊ะ! ดุจจุดไฟในที่มืด หงายของที่คว่ำให้ท่านย่าแท้ๆ นะพี่กล้วย (พี่ท่านเปลี่ยนจากกระท่อมฯ มาเป็นร้านกล้วยฯ แล้วนี่เนอะ งั้นต้องเปลี่ยนสรรพนามตามด้วยแล้วล่ะ)
ว่าไงนะ แค่ปลดปล่อยจิตให้เป็นอิสระ ดำดิ่งลงสู่กระแสธารใต้ห้วงสำนึกแห่งความเป็นจริง มิพักขนบกวีโบราณจะพลั่งพรูเพริศแพร้วพรรณารายส่ายขบวนออกมาปรากฏอย่างแจ้งใจ
ยัง ยังไม่หมดแค่นั้นหรอกซาร่า หากว่ายังเค้นไม่ออก ท่านพี่กล้วยยังบอกเคล็ดลับสู่ทางลัดตัดเข้าสู่หทัยใจกลางแก่ แด่ท่านย่าด้วยแน่ะว่า ให้หาคันฉ่องมาส่องโฉม ประกายโบราณจะฉานฉายให้กวีได้ยลอย่างแจ่มจักษุ
ผู้หลานมาซุ่มอ่าน พาลประหงกปะลกๆ เต็มอกอิ่มใจในสองทฤษฎีนั้น
สาธุเทอญ
By: สวรรค์เสก on January 21, 2008
at 10.01
เสียง น้อง Drue Barrymore น่ารักขอรับพี่ทั่น
น้า ฮิวท์ ก็เท่ไม่หยอก
By: ประทีป จิตติ on January 22, 2008
at 01.01
บ๊ะ! สองพี่น้องชรานี่เข้ากันเป็นงูเหลือมกับงูหลาม
อย่าเผลอแก่บ้างแล้วกัน
By: ningnung on January 22, 2008
at 09.01
สวัสดีขอรับ
ขอกล้วยหอมทองปั่นหนึ่งแก้ว เก็บตังที่เจ้าของบ้านเลยขอรับ
ย่ำแย่ครับ อาการหวัดยังไม่หายดี ดันทะลึ่งไปวิ่งเล่นเตะฟุตบอล
เล่นไปได้ไม่ถึงห้านาทีดี ก็ลงไปนอนนิ่งฝุ่นตลบกับพื้นขอรับ
สมองซีกซ้ายของผมมันสั่งให้ขาขวา bend it like beckham
แต่สมองซีกขวาคงยังเบลออยู่เลยสั่งงานขาซ้ายให้ไปสะดุดเจ้าบอลกลมๆเข้า
จึงลงเอยที่ไปนอนกองกับพื้นข้อเท้าซ้ายปวด ‘แปล๊บบ’ ตัวเกร็งเหงื่อตกน้ำตาซึม
เล็ดออกจาหางตาแบบความคุมไม่ได้
สองสามวันmujzjko,kจึงทำตัวเป็นมนุษย์สมอง ‘อุนจิ’ นอนนิ่งๆ เช่า
vcd มาดูไม่ทำอะไรนอกจากนั้น เพื่อประชดชีวิตซะเลย
ตอนนี้ข้อเท้าเริ่มหายปวด สงสัยต้องรีบทำงานชดใช้เวลาที่นอนเล่นเสีย
หลายวัน อืมๆ งานชิ้นที่หก งานชิ้นที่หก
By: umpo on January 22, 2008
at 02.01
mujzjko,k = ที่ผ่านมา
By: umpo on January 22, 2008
at 02.01
ใกล้เลิกงานสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณอัมโปะ
ดีใจที่ได้รับข่าวคราวเจ้าค่ะ
เห็นหายเงียบไปชักเป็นห่วง
โธ่ โถ ไม่สบาย ยังไปเตะฟุตบอลอีก ถึงแข้งขาจะไม่เดาะ ก็คาดว่าคงไข้กลับ
อาการคงหนักพอกัน
ได้อยู่นิ่งๆ บ้างก็ดีเจ้าค่ะ
ใครจะรู้ บางทีร่างกายและจิตใจของคุณอัมโปะอาจต้องการการพักผ่อน
ส่งสัญญาณเตือนเบาะๆ ด้วยไข้หวัด คุณอัมโปะก็ยังไม่ฟัง ไปเล่นฟุตบอลอีก
คราวนี้เลยทำให้ขาเดี้ยงซะเลย จะได้เลิกซ่า สมใจเขาล่ะ
พักผ่อนเยอะๆ นะเจ้าคะ จะได้หายไวๆ เอาไว้หายจะพาไปกินน้ำกล้วยปั่นหน้าปากซอย เพิ่งเปิดใหม่ ต้องรีบอุดหนุน เดี๋ยวเจ๊งไปซะก่อน อิอิ
By: ningnung on January 22, 2008
at 04.01
อา..
เป็นเช่นนี้เอง
เป็นเช่นนี้เอง
หายไวไวนะทั่นอัม
จะได้ไปเตะบอลอีก
เพี้ยงหาย!
เพี้ยงหาย!
By: ร้านกล้วยปั่นก้นซอย on January 22, 2008
at 06.01
อ้อ!
ก้นซอยเจ้าค่ะ!
ไม่ใช่ปากซอย (เดี๋ยวผิดร้าน ฮ่วย!)
By: ร้านกล้วยปั่นก้นซอย on January 22, 2008
at 06.01
ฮัดเช่ย!
แหม จามที ลิ้นโผล่สองแฉกเลย
By: สวรรค์เสก on January 22, 2008
at 07.01
โอย ชอบๆ
แปลเพลงเป็นกวี งามแต้ๆ
***
พี่หนิงเคยได้ยินกวีจากเรื่อง”ขอให้เรานั้นนิรันดร”ของ อ.ประภัสสร ไหม
เข้ากับความกวีพี่จัง
ความรักสลักเสลาสวยใส
งามใดเล่า ..งามใด
เทียบได้งดงาม .. ความรัก
จรดลึกในความทรงจำ
ลึกล้ำ..ย้ำรอยสลัก
นิรันดร นั้นนานนัก
แต่รักนี้ “นานกว่านั้น”
***
ขอบคุณความขยันของพี่ น้องรออ่านเป็นเล่มอยู่น้าคะ
By: nena on January 23, 2008
at 08.01
ขอบใจมากจ้ะน้องน่า
เอ..พี่ว่าพี่เคยเห็นบทกวีนี้ในนวนิยายเรื่อง “ดั่งดวงหฤทัย”ของลักษณวดีนะ
พี่จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า ผู้เขียนๆ ไว้ประมาณนี้ (แก่แล้ว จำไม่ค่อยได้น่ะน้อง)
เธอมิใช่สายน้ำ
แต่เธอเย็นฉ่ำชื่นหวาน
เธอมิใช่ลำธาร
แต่เธอไหลผ่านเนื้อหัวใจ
ความรัก
เสลาสลัก สวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึกในความทรงจำ
ลึกล้ำย้ำรอยสลัก
นิรันดร์นั้นนานนัก
แต่รักนี้นานกว่านั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นฉบับจริงๆ ใครเป็นคนแต่ง แต่งได้งดงามจริงๆ
By: หนุงหนิง on January 23, 2008
at 09.01